ประโยชน์ของวิตามินอี

ก่อนจะรู้ว่าวิตามินอีช่วยอะไรบ้างเนี่ย เรามาทำความรู้จักกับมันก่อนดีกว่า จะได้รู้ว่าประโยชน์ของวิตามินอีมีอะไรบ้าง วิตามินอีมีชื่อภาษาอังกฤษว่า โทโคเฟอรอล (Tocopherol) และเป็นแบบ Oil Soluble หรือก็คือวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน ปกติจะช่วยในการขยายหลอดลมและต้านการแข็งตัวอุดตันของเลือด และที่สำคัญวิตามินอีเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระโดยการดูดซับเหมือนฟองน้ำ ที่จะช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของเยื่อหุ่มเซลล์ ลดการอักเสบของร่างกายและยังทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างดีและมีความคงทนมากขึ้นด้วยและลดอาการอ่อนเพลีย แต่ว่าถ้าทานมากไปก็จะสะสมและตกค้างในร่างกายจึงควรระวังถ้าจะกินวิตามินอีในปริมาณมากๆ
ส่วนในด้านผิวพรรณวิตามินอี ช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยไหม้จากแดด ทำให้รอยแผลจางลง และผิวชุ่มชื่นขึ้นด้วย

อาหารที่มีวิตามินอีสูง
อาหารที่มีวิตามินอีสูง

อาหารที่มีวิตามินอีสูง

ปกติเราสามารถหาประโยชน์ของวิตามินอี ได้จาก มะเขือเทศ นม ไข่ ถั่ววอลนัท พีแคน ถั่วลิสง ปลา จมูกข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีท น้ำมันพืช น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด ผักใบเขียว ผักโขม กะหล่ำดาว ปวยเล้ง กะหล่ำปลี โดยเฉพาะพืชผักที่พึ่งเกิด แต่ว่าออกซิเจนและความร้อนหรือการแช่แข็งสามารถทำลายวิตามินอีได้ ทำให้เราควรกินผักผลไม้สดๆจะดีกว่า

วิตามินอี ช่วยอะไร

  • รักษาอาการเซ
  • ชะลอการเสียความทรงจำสำหรับคนเป็นอัลไซเมอร์
  • ป้องกันมะเร็งกะเพาะปัสสาวะ เมื่อกินต่อเนื่อง
  • ป้องกันโรคสมองเสื่อมหลายตัว
  • ลดการเจ็บปวดสำหรับผู้ป่วยรูมาตอยด์
  • ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม
  • ช่วยป้องกันปอดจากมลพิษทางอากาศ
  • ป้องกันการอ่อนเพลีย
  • บรรเทาตะคริว
ข้อเสียของการทานวิตามินอีมากไป
ข้อเสียของการทานวิตามินอีมากไป

ข้อเสียของการทานวิตามินอีมากไป

  • สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจหรือเบาหวาน ไม่ควรบริโภคเกิน 400IU
  • มีความเสี่ยงในการหลอดเลือดสมองแตกเพิ่มขึ้นเมื่อรับประทานวิตามินอี 300-800IU ถึง 22% แต่ว่าก็ช่วยลดอาการสมองขาดเลือดเช่นกัน
  • เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดท้อง อ่อนเพลีย อ่อนแรง ปวดหัว
  • ทำให้เลือดไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวช้า สำหรับผู้ที่กำลังจะผ่าตัดควรงดวิตามินอีก่อนและหลังรับการผ่าตัด 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำ

วิธีทานวิตามินอี ไม่ว่าอาหารที่มีวิตามินอีสูงหรืออาหารเสริมวิตามินอี

  • ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินอีที่สกัดจากธรรมชาติได้มากกว่าแบบสังเคราะห์ ซึ่งแบบธรรมชาติจะเป็นดี-แอลฟาโทโคฟีรอล (d-alpha-tocopherol) แต่
  • แบบสังเคราะห์จะเขียน ดีแอล-แอลฟาโทโคฟีรอล (dl-alphatocopherol)
  • วิตามินจำเป็นต้องกินร่วมกับอาหารที่ประกอบไปด้วยน้ำมันหรือไขมัน
  • วิตามินอีกับธาตุเหล็กประเภทเฟอร์รัสซัลเฟตแบบอนินทรีย์ไม่ควรรับประทานร่วมกันเพราะว่าตัวธาตุเหล็กทำลายวิตามินอี แต่ถ้าจำเป็นต้องกินควรจะรับประทานวิตามินอีแปดชั่วโมงก่อนหรือหลังธาตุเหล็กเฟอร์รัสซัลเฟต แต่ว่าเฟอร์รัสกลูโคเนต เฟอร์รัสเปปโทเนต เฟอร์รัสซิเทรต และเฟอร์รัสฟูเมเรต (ธาตุเหล็กอินทรีย์)หรือง่ายๆธาตุเหล็กจากธรรมชาติ ไม่ทำลายวิตามินอี
  • สำหรับผู้ใหญ่คือ 8-10IU คือขนาดแนะนำต่อวัน และปริมาณ 60-70% ของวิตามินอีที่รับประทานเข้าไปต่อวันจะถูกขับออกมา
  • ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินอี ส่วนมากอยู่ในรูปแบบน้ำมัน แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบกินแบบน้ำมันหรือผิวมันอยู่แล้ว ให้กินแบบเม็ดแห้งละลายน้ำ

ครีมที่มีวิตามินอีสำหรับทาหน้า

ครีมที่มีวิตามินอีสำหรับทาหน้า
ครีมที่มีวิตามินอีสำหรับทาหน้า

วิตามินอีช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด ริ้วรอยเหี่ยวย่น และรอยแผลได้ดี การนำวิตามินอีมาทาที่ผิวตรงๆ วิตามินอีจะทำหน้าที่เป็นฟองน้ำดูดซับสารอนุมูลอิสระก่อนที่จะไปทำลายเนื้อเยื่อ และยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวให้แข็งแรงขึ้น ช่วยให้ทนต่อรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในแสงแดดได้ดีขึ้น จึงทำให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางนิยมนำประโยชน์ และสรรพคุณของวิตามินอีมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ และเมื่อเป็นสิวสิ่งที่ควรระวังคือ รอยแดง รอยดำ โดยเฉพาะรอยดำที่ต้องรักษานาน ครีมที่มีวิตามินอียังมีส่วนช่วยรักษารอยดำให้จางลงได้ รวมถึงบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิว ผลัดผิวเก่าออกไป ทำให้รอยค่อยๆจางลงไปเรื่อยๆแล้วยังมีสรรคุณป้องกันผิวจากแสงแดดอีกต่างหาก

Similar Posts